Header Ads

test

อนันดา อาการหนักนอนไม่หลับตั้งแต่เด็ก

ข่าวบันเทิง อนันดา อาการหนักนอนไม่หลับตั้งแต่เด็ก

ข่าวบันเทิง อนันดา เอเวอริ่งแฮม หนักใจกับอาการนอนไม่หลับที่ประสบมาตั้งแต่วัยรุ่น จนถึงวันนี้ยังไม่หายขาด ทำให้ต้องวางแผนชีวิตหลายขั้น เผยเคยหนักสุดถึงกับต้องไปปรึกษาจิตแพทย์ 


ประสบกับปัญหานอนไม่หลับมาตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายขาด แถมเคยมีอาการหนักสุดขึ้นกับต้องไปปรึกษาจิตแพทย์กันเลยทีเดียว ล่าสุดเมื่อวันที่  25 มิ.ย. ที่ผ่านมา พระเอกหนุ่มหน้าหล่อ อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ได้ให้

สัมภาษณ์เกี่ยวกับอาการดังกล่าวในงานแถลงข่าว เปิดตัวซีรีส์ดัง  ''Full House วุ่นนักรักเต็มบ้าน'' (เวอร์ชั่นไทย ) ณ ห้อง  Pimarn Man ชั้น  2 โรงแรม โฟซีซั่น กรุงเทพฯ ว่า ''มันก็เป็นปกติแล้วเพราะเป็นตั้งนานแล้วตั้งแต่สมัยวัยรุ่น
เราก็ต้องดิวกับมัน พอเราเป็นแล้วไม่เข้าใจว่าทำไมนอนไม่หลับแล้วก็อึดอัด กลายเป็นว่าแก้ปัญหาไม่เป็น เคยเข้าบำบัดคุยกับจิตแพทย์เรื่องพวกนี้ เราก็มีจุดเริ่มต้น ก็มีวิธีดิวกับมัน ถามว่ามันจะหายสนิทเลยไหมก็คงไม่เพราะเราเป็นคนที่ปล่อย
วางยากนิดนึงแค่นั้นเอง ทุกวันนี้ก็ไม่ต้องไปหาหมอเพราะผมเข้าใจว่ามันและรู้ตัวว่าต้องทำยังไงเฉยๆ มันก็มีขั้นตอนเล็กๆ น้อยๆ ของผมก่อนถึงเตียงนอน ถามว่าเป็นเพราะเครียดเรื่องงานหรือเปล่า คือผมเป็นคนที่ชอบทำอยู่หลายอย่าง
สมองแล่นตลอดเวลา บางทีก็หาปุ่มปิดยาก แต่ก่อนเป็นทุกข์แต่ทุกวันนี้เฉยๆ แค่รู้ว่าเราเป็นคนอย่างนี้ มันทำให้ผมต้องแพลนชีวิตมากขึ้น อย่างเช่นถ้ารู้ว่ามีงานเช้า''

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า  โดนัท -มนัสนันท์ มีส่วนช่วยอะไรหรือไม่  อนันดา กล่าวว่า ดาราสาวหวานใจแสดงอาการเป็นห่วงตามปกติ

อนันดาเผยต่อไปว่า อาการนอนไม่หลับของตนเคยเป็นหนักสุดๆ ถึงขั้นมีความรู้สึกว่าร่างกายเกินจะรับไหว ไม่แตกต่างอะไรกับโทรศัพท์ที่แบตหมดจนอยากจะชัตดาวน์ตัวเอง

พอตอบไปแล้วก็หานอนด้วยกันเหรอ ทุกคนก็เป็นห่วงเป็นเรื่องปกติ คนก็เห็นว่าผมรับหน้าที่หลายๆ อย่าง เขาก็ห่วงสุขภาพจิตเพราะผมก็บ้าบอเหมือนกัน แต่ลึกๆ ผมอาจจะรักชีวิตที่มันวุ่นวายหน่อย อนันดากล่าวในที่สุด

ในอดีตมีช่วงหนึ่งที่ไม่นอนเกือบเดือน ที่ไปหาจิตแพทย์ครั้งแรก คือพอสมองเราไม่หยุดแล่นมันก็จะกระสับกระส่ายพลิกตัวไปมา แล้วจะหลับเป็นช่วงๆ ร่างกายพอถึงจุดหนึ่งไม่ไหวมันก็จะชัตดาวน์ตัวมันเอง เหมือนแบตโทรศัพท์พอติด
นิดนึงก็ดับ เป็นอย่างนี้เกือบเดือนจนทนไม่ไหว มันเหนื่อย ก็เลยไปหาจิตแพทย์ ก็เลยเข้าใจว่ามันเป็นโรคแล้วรักษาได้ เราก็สบายใจขึ้นก็เลยเริ่มรักษา ซึ่งก็ดีขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นการยอมรับและเราต้องรู้ก่อนว่าเราเป็น อย่าไปสู้กับมัน